สอนโฟนิกส์ สิ่งจำเป็นที่สุดของโรงเรียนไทย ณ นาทีนี้
ปัญหาการอ่านภาษาอังกฤษในประเทศไทย
ในปัจจุบัน ปัญหาการอ่านภาษาอังกฤษในประเทศไทยยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก แม้ว่าเด็กไทยหลายคนจะได้รับการสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่ยังเล็ก แต่ทักษะการอ่านของพวกเขามักจะไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น หลายคนอ่านภาษาอังกฤษไม่ได้ สร้างความกังวลใจกับคุณครูผู้สอน, ผู้บริหารโรงเรียนและผู้ปกครอง ปัญหานี้ส่งผลให้เด็กขาดความมั่นใจในการอ่าน ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สนุกและท้อแท้ในการเรียนภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว พบว่า สอนโฟนิกส์ (Phonics) ได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเด็กอ่านภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของการสอนโฟนิกส์ที่มีผลดีเยี่ยม จากการวิจัย
การสอนโฟนิกส์ได้รับการยืนยันจากหลายการวิจัย ว่าเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะการอ่านของเด็กทั้งต่างประเทศและในประเทศ ตัวอย่างเช่น การวิจัยของ พวงผกา นรินทร์ (2563) และ วงเดือน ภูบุญ (2564) ได้แสดงให้เห็นว่าการสอนโฟนิกส์ช่วยพัฒนาทักษะการอ่าน การออกเสียงได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมในกลุ่มนักเรียนที่มีปัญหาด้านการอ่าน
การโฟนิกส์ช่วยให้เด็กสามารถเชื่อมโยงเสียงกับตัวอักษรได้ดียิ่งขึ้น ทำให้พวกเขาสามารถถอดรหัสคำใหม่ ๆ ได้อย่างมั่นใจและรวดเร็ว นอกจากนี้ การศึกษาในต่างประเทศยังยืนยันว่าเด็กที่ได้รับการสอนโฟนิกส์สามารถพัฒนาทักษะการอ่านได้ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการสอนโฟนิกส์ ด้วยเหตุนี้ การสอนโฟนิกส์จึงได้รับการยอมรับว่าเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนตั้งแต่ระดับอนุบาล
การสอนภาษาอังกฤษแบบดั้งเดิม
การศึกษาไทยได้มีแผนพัฒนาด้านการศึกษามาต่อเนื่อง ในส่วนการเรียนการสอนภาษาอังกฤษปัจจุบันมีการวัดมาตรฐานภาษาอังกฤษด้วย CEFR (The Common European Framework of Reference for Languages – ตัววัดมาตรฐานสากล ที่ใช้ในการวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ) เป็นแนวทางในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ รวมทั้งมีการวัดระดับประสิทธิภาพการอ่าน อย่างเช่น การมี Reading Test อย่างไรก็ตาม ยังมีบางโรงเรียนที่ยังมีการสอนภาษาอังกฤษแบบเดิมๆ อยู่
การสอนแบบดั้งเดิม เป็นการสอนตามคำทั้งคำ (whole word) คือวิธีการสอนให้นักเรียนเรียนรู้คำศัพท์โดยฟังและจดจำคำทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรือเรียนรู้ถึงความเชื่อมโยงของตัวอักษร ทำให้นักเรียนต้องจำตัวอักษรทุกตัวในคำเป็นก้อนเดียวทั้งหมด ไม่สามารถแยกแยะส่วนต่างๆของคำออกมาเป็นแต่ละเสียงได้อย่างเป็นระบบ
วิธีสอนอ่านภาษาอังกฤษแบบระบบเดิมเป็นการท่องคำศัพท์ ท่องซำ้ๆ ท่องจนขึ้นใจ เมื่อเห็นคำศัพท์ที่เคยท่องแล้วจึงทำให้อ่านได้ การสอนอ่านแบบ ‘จำทั้งคำ’ นี้อาจทำให้เด็กอ่านในช่วงแรกเท่านั้น จากการวิจัยพบว่าเด็กได้รับการสอนอ่านแบบ ‘จำทั้งคำ’ มีพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษน้อยมาก และไม่สามารถอ่านคำที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้เลย
การท่องจำซ้ำๆ เช่น “c a t ซี-เอ-ที แคท แมว” เพื่อให้นักเรียนจำที่จะอ่านหรือสะกดคำ ‘cat’ ให้ได้ จึงต้องใช้พลังอย่างมาก ทำให้ขั้นตอนการเรียนรู้ช้าและเหนื่อยเกินไป เป็นสาเหตุพื้นฐานหลักที่นักเรียนไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ
การสอนให้ท่อง "c a t ซี-เอ-ที แคท แมว"
ไม่ช่วย นักเรียนอ่านภาษาอังกฤษได้เอง
ทำไมโรงเรียนไทยจึงควร.. สอนโฟนิกส์
การนำโฟนิกส์มาใช้ในการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนจีงเป็น Best Solution – Best Practice ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม โรงเรียนหลายแห่งยังคงใช้วิธีการสอนที่ไม่เป็นระบบและขาดการฝึกฝนที่เพียงพอ เมื่อเทียบกับประเทศที่ใช้โฟนิกส์ในการสอนอย่างแพร่หลาย เด็กไทยยังคงมีปัญหาในการเข้าใจและจดจำเสียงของตัวอักษรและคำศัพท์ ดังนั้น โรงเรียนในประเทศไทยจึงควรพิจารณานำโฟนิกส์มาใช้ในการสอนอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นในระดับประถมศึกษาหรือแม้กระทั่งในระดับมัธยมศึกษาหากเด็กมีปัญหาการอ่านมาก การนำโฟนิกส์มาใช้ ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาทักษะการอ่านของเด็กไทยเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้พวกเขามีความมั่นใจในการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้นด้วย
สอนโฟนิกส์อย่างไร ให้ได้ผล
การสอนวิธีอ่านแบบ phonics หรือการสอนวิธีอ่านด้วยเสียงตัวอักษร นักเรียนจะเรียนรู้วิธีการอ่านและเขียนโดยการเรียนรู้เสียงของตัวอักษรและการเชื่อมโยงของเสียงที่ตัวอักษรแต่ละตัว การสอนแบบนี้จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจหลักการของสะกดคำภาษาอังกฤษและสามารถอ่านออกได้
แม้ว่าในประเทศไทยยังไม่ได้กำหนดให้สอนโฟนิคส์เป็นนโยบายอย่างชัดเจนเหมือนประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น ประเทศอังกฤษ อเมริกา ทว่า ในปัจจุบันพบว่ามีโรงเรียนจำนวนไม่น้อยที่จัดโฟนิคส์เป็นหนึ่งในวิชาภาษาอังกฤษ โดยส่วนมากเป็นโรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนรัฐบาลที่มีโปรแกรมภาษาอังกฤษพิเศษ (English Program)
ผลการวิจัยการสอนโฟนิกส์ชี้ให้เห็นว่าการสอนโฟนิกส์ที่เป็นระบบอย่างชัดเจน รวมทั้งการสอนโฟนิกส์ควรสอนแยกสอนอย่างเป็นสัดส่วน เพื่อให้เด็กรู้ เข้าใจและอ่านออกได้ด้วยตนเอง เมื่อนักเรียนอ่านได้แล้วจึงเป็นการง่ายในการสอนความหมายหรือไวยากรณ์ในลำดับถัดไป ซึ่งทำให้การเรียนภาษาอังกฤษมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น
ครูไทย..สอนโฟนิกส์ – การปฏิวัติการสอนภาษาอังกฤษยุคใหม่
โดยทั่วไป ครูต่างชาติที่สอนภาษาอังกฤษ หรือ Teacher เป็นผู้สอนโฟนิกส์ แต่หากโรงเรียนที่ไม่มีครูต่างชาติ คุณครูไทยสามารถสอนโฟนิกส์ได้
สำหรับครูคนไทยที่ต้องการนำโฟนิกส์มาใช้ในการสอน ควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาและทำความเข้าใจหลักการของโฟนิกส์ ครูควรฝึกฝนการออกเสียงตัวอักษรและคำศัพท์ให้ถูกต้อง และเรียนรู้วิธีการถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ให้กับนักเรียนอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ การใช้สื่อการสอนแบบเรียน แบบฝึกหัด Audio การออกเสียงโดย Native จะช่วยให้ครูสามารถดำเนินการสอนโฟนิกส์ที่อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เช่น เปิด Audio เสียงของเจ้าของภาษาให้นักเรียนฟังแล้วให้นักเรียนพูดตาม สะกดเสียงตาม นักเรียนก้อจะรู้จักการออกเสียงที่ถูกต้อง
การนำโฟนิกส์มาใช้ในระบบการศึกษาของประเทศไทยเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพราะมันไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหาการอ่านที่มีอยู่ แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนของเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ โรงเรียนและครูควรพิจารณา นำโฟนิกส์มาใช้ในกระบวนการสอนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ที่ดีขึ้นและเพื่อให้เด็กไทยสามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจและแข็งแรงในระยะยาว
หนังสือโฟนิกส์ที่ออกแบบวิธีสอนมาจากการวิจัย Hi! Phonics ครบหลักสูตร