Hi Phonics

เด็กอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก สอนไงดี

เด็กอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก สอนไงดี

เด็กอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ทำให้เรียนภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ เรียนไม่ทันในชั้น หากเด็กยังอ่านภาษาอังกฤษไม่ได้ไปเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดความเบื่อหน่าย หรือมีทัศนคติไม่ไดี หรือถึงขั้นกลัวและเกลียดภาษาไปเลย คุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไร คุณครูควรสอนอย่างไร

ทำไมเด็กอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก หากเป็นความคิดเดิมๆ คนส่วนใหญ่มักบอกว่าเป็นเพราะเด็กเรียนอ่อนเอง เด็กไม่สนใจ แต่นักวิชการและนักวิจัยไม่ได้คิดเช่นนั้น ทว่าพวกเขาได้ศึกษาทำการวิจัยเพื่อหาเหตุแห่งปัญหาที่แท้จริงและการแก้ไข

..เด็กอ่านไม่ออกเกิดจาก วิธีสอน ที่ยังไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม...

Gay Su Pinnell and Irene Fountas ทั้ง 2 ท่านเป็นศาสตราจารย์ชาวอเมริกันด้านการศึกษา ได้ทำการศึกษาวิจัยและสอนผู้ที่มีปัญหาในการอ่านมามากกว่า 25 ปี  ผลจากการวิจัยท่านทั้งสองมีความเห็นว่า หากเด็กไม่มีปัญหาทางกายภาพด้านสมอง การที่เด็กอ่านไม่ออกนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากลักษณะการสอนอ่านที่ยังไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม

ผลจากการวิจัยของ Pinnell และ Fountas ในการแก้ปัญหาเด็กอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก คือการสอนให้รู้จักเสียงของตัวอักษรแต่ละตัวก่อนเป็นอันดับแรกและสอนความสัมพันธ์ของเสียงและตัวอักษร และนี่คือ การสอน โฟนิคส์ นั่นเอง ! 

เช่นเดียวกับการวิจัยของ Dr. Sally Shaywitx แพทย์นักวิจัยมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาวิจัยและเป็นผู้ร่วมแต่งหนังสือ ‘Overcome Dyselxia – การเอาชนะความบกพร่องในการอ่าน’ Dr. Shaywitx ได้กล่าวว่า มันไม่จริงที่การอ่านจะเป็นเรื่องง่ายและเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติสำหรับทุกคน
 
เด็กที่อ่านหนังสือไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องของความฉลาดต่ำ แต่เป็นความแตกต่างในการทำงานของสมองในเรื่องการประมวลผลภาษา แต่เป็นเด็กที่ไม่สามารถจัดการเสียงของตัวอักษรและรูปลักษณ์ของตัวอักษรได้
 

ประเด็นสำคัญคือ ต้องมีการสอนที่เน้นการอ่านอย่างเป็นระบบรวมทั้งการประมวลผลภาษาที่เป็นระบบ เช่น การฝึกการอ่านออกเสียง การเรียนรู้รูปแบบคำ และการสร้างคำ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถพัฒนาเทคนิคการอ่านที่มีประสิทธิภาพ

เมื่อเด็กได้รับการสอนและฝึกเป็นประจำ  สมองของเค้าจะเริ่มพัฒนาขึ้นตามความถึ่ของการฝึก คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานจำนวนไม่น้อยเคยเป็นเด็กที่บกพร่องในการอ่านมาก่อน

การสอนวิธี ถอดรหัสคำและการสะกดคำ พวกเขาจะกลายเป็นนักอ่านที่ดีได้

Dr. Shaywitx เน้นถึงการสอนทักษะการถอดรหัสคำ (หมายถึง การเชื่อมต่อของเสียงและตัวอักษร) และการสะกดคำ รวมถึงทักษะความเข้าใจในการอ่าน   การสอนทักษะเหล่านี้เป็นการ ‘เปิด’ และกระตุ้นระบบการอ่านในสมองของผู้เรียน ดังนั้น ‘วิธีสอน’ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก  เมื่อเรามีวิธีสอนที่เหมาะสม เราสามารถเปลี่ยนสมองของเด็กที่บกพร่องในการอ่านได้

5 Steps สอนเด็กที่อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก

 

1)  สอนให้รู้จักเสียงของตัวอักษร

 
โดยการให้ฟังและออกเสียงตาม พร้อมมีคำศัพท์ที่มีเสียงขึ้นต้นด้วยตัวอักษรนั้นเพื่อทำให้จำได้ง่าย และเด็กควรรู้ความหมายของคำเหล่านั้นด้วย
 

2)  สอนการประสมเสียง

 
เมื่อเด็กออกเสียงตัวอักษรได้ ขั้นตอนต่อมาเป็นการนำตัวอักษรเหล่านั้นมาเรียงกันรวมเป็นคำ และออกเสียงตัวอักษรแต่ละตัวเหมือนเดิมแต่ให้รวบเสียงทั้งหมดเป็นเสียงเดียวเป็น 1 คำ การประสมเสียงเป็นการแก้ไขให้ เด็กอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก สามารถเริ่มอ่านได้เอง
 
 

3)  สอนรูปแบบส่วนประกอบของคำ

 
สิ่งที่สำคัญที่ทำให้เด็กอ่านออกคือการทำให้เด็กเห็นรูปแบบตัวอักษรในคำเป็น พยัญชนะต้น-สระ-ตัวสะกด (CVC-consonant-vowel-consonant)
ตัวอักษร a-z มีเสียง 2 อย่าง คือเสียงพยัญชนะ และเสียงสระ
 
-1 เสียงพยัญชนะ
เสียงพยัญชนะมักไม่เปลี่ยน เช่น b, d
แต่มีพยัญชนะตัวหนึ่งที่พิเศษทำหน้าที่เป็นสระ นั่นคือ ‘y’ ทำหน้าที่เป็นสระและออกเสียงสระ y มีเสียงเป็นสระยาวได้ 2 เสียง คือ เสียงสระยาว ‘e’ (อี) เช่น baby, lady และเสียงสระยาว ‘i’ (อาย) เช่น sky, my
 
-2 เสียงสระ
ตัวอักษรที่เป็นสระมี 5 ตัวได้แก่ a, e, i, o และ u แต่มีการออกเสียงเป็นแบบสระสั้น และสระยาว
 
ตัวอักษรสระเดียวกันแต่ออกเสียงต่างกัน เช่น i เสียงสระสั้นออกเสียงเป็น ‘อิ’ เช่น big  แต่ i สระยาวออกเสียงเป็น ‘อาย’ เช่น Hi
 
 
เสียงสระยาวมิได้มีเฉพาะตัวอักษรเดี่ยว a, e, i, o, u เท่านั้น แต่ยังมีการเขียนแบบอื่นๆด้วย เช่น ai ใน rain ออกเสียง เอ
นี่คือการสอนความสัมพันธ์ของเสียงและตัวอักษร
 
ดังนั้น เด็กอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ควรได้เรียนเสียงในภาษาอังกฤษครบทั้ง 44 เสียงเพื่อให้รู้จักเสียงในรูปแบบของตัวอักษรต่างๆ
 

4)  สอนการสะกดอ่านในกลุ่มตัวสะกดเหมือนกัน (Word Family)

 
หลังจากประสมเสียงอ่านเป็นคำได้แล้ว การฝึกต่อไปคือให้เด็กเริ่มสะกดคำอ่าน (Sound out words) อ่านคำที่อยู่กลุ่มตัวสะกดเหมือนกัน หรือเรียกว่า ‘Word Family’ เช่น ครอบครัวคำของตัวสะกด ‘at’ ได้แก่ cat, fat, hat, mat เป็นต้น

5)  เริ่มอ่านวลีและประโยค

 
โดยเริ่มจากวลีที่เป็นคำที่มีตัวสะกดเหมือนกัน (Word Family)  เช่น -at เด็กอ่าน cat, fat, hat ได้แล้ว ให้อ่านวลี เช่น fat cat หรือประโยค เช่น A cat has a hat.
 
 
คำที่มีเสียงสะกดเหมือนกันก้อคือคำคล้องจ้องนั่นเอง ดังนั้น การอ่านคำในครอบครัวเดียวกันจึงทำให้เด็กสนุกในการอ่าน พร้อมกับการมีภาพประกอบจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ความหมายของวลีและประโยคที่อ่านได้เร็วขึ้น
ดังนั้น วิธีสอน เด็กอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป  และเราควรรีบสอนโฟนิคส์เพื่อเค้าจักรู้วิธีสะกดอ่านภาษาอังกฤษ หากสอนช้าเกินไปเด็กอ่านไม่ได้และมักจำหรือต้องท่องคำศัพท์เหล่านั้น ซึ่งเป็นวิธีทำให้เรียนช้าลง
 

ชุดหนังสือโฟนิกส์ที่ออกแบบวิธีสอนมาจากการวิจัย Hi! Phonics ครบหลักสูตร 

หนังสือโฟนิกส์ครบหลักสูตร
ตัวอย่างหนังสือ

You cannot copy content of this page